Bad Neighbours 2 (2016)
ชอบคอนเซ็ปต์ของภาคแรก ซึ่งยังคงต่อเนื่องมาถึงภาคสอง และชอบการเอากิมมิคถุงลมนิรภัยจากภาคแรกมาเล่นมุกในภาคนี้ได้โคตรพีคยกกำลังสาม (ฉากออกจากโรงรถคือฮาระดับ A+ สำหรับเรา) หนังมันมีตลกร้ายล้อเลียนประเด็นเรื่องเหยียดเพศ/เหยียดผิวอยู่เหมือนกัน แบบทำไมคนผิวดำทำแบบนี้ไม่โดนว่าเหยียดผิว หรือเพศหญิงได้เปรียบผู้ชายไม่เป็นเหยียดเพศหรออะไรงี้ ซึ่งมันก็ตลกกวน ๆ ดี และแซ็ค เอฟรอนก็โชว์ six-pack สมนาคุณสาว ๆ ได้คุ้มค่าอยู่เหมือนกัน
.
'แม็ค' (Seth Rogen) และ 'เคลลี่' (Rose Byrne) เพิ่งขายบ้านได้สำเร็จแต่ต้องรอการตรวจรับบ้านในช่วง 30 วัน ซึ่งช่วงนี้ผู้ซื้อมีสิทธิ์ปฏิเสธไม่ซื้อบ้านเมื่อไรก็ได้ และทั้งคู่ก็ต้องพบปัญหาใหญ่เมื่อ 'เชลบี้' (Chloe Grace Moretz) พาแก๊งสาวมหาลัยมาเช่าบ้านหลังข้าง ๆ ไว้สำหรับจัดปาร์ตี้สาว ๆ โดยเฉพาะ แล้วแบบนี้ผู้ซื้อคนใหม่คงจะยอมตกลงซื้อบ้านหรอก ทั้งคู่จึงต้องเร่งกำจัดเพื่อนบ้านตัวแสบให้ได้โดยเร็วที่สุด
.
เราว่าตอนแรกหนังคงไม่คิดว่าจะมีภาคต่อหรอก แต่พอมีแล้วดันทำออกมาได้ดีผิดคาดมาก ๆ ด้วยความที่เป็นผู้กำกับคนเดิมเลยเหมือนจะรู้ทิศทางของการปั้นแฟรนไชส์ Neighbors ให้ติดตลาด เพื่อนบ้านมหาวิทยาลัยสุดแสบ (อนาคตอาจไม่ใช่เด็กวัยนี้ก็ได้), มุกล้อเลียนหนังเรื่องอื่นพอเป็นพิธี, คาแรคเตอร์สามี-ภรรยาที่แอบร้ายแอบเห็นแก่ตัวแต่กลับเป็นผู้ถูกกระทำที่น่าเอาใจช่วย แล้วก็เอาตัวละครเดิมจากภาคก่อนมาใช้งานบทบาทใหม่ ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็เหมือนการเรียกร้องกลาย ๆ ให้ต้องดูภาคแรกเป็นการบ้านเพื่อจะได้อินกับภาคนี้สุด ๆ
.
ชอบบทบาทของเชลบี้ นางดูเป็นผู้หญิงเฟมินิสต์ที่อยากยืนด้วยพลังหญิงจริง ๆ คืออยากปาร์ตี้สนุกสนานเฮฮา แต่ไม่อยากเป็นวัตถุทางเพศสำหรับผู้ชายในงาน นางเลยอยากจัดปาร์ตี้หญิงล้วนสำหรับผู้หญิงที่มีความคิดเหมือนกัน คืออยากสนุกและปลอดภัยจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เพราะพวกนางไม่ได้จะไปอ่อยไปแอ่วผู้ชายสักหน่อย คาแรคเตอร์นางเด่นจริง ๆ มีความหลงทางนิดนึงเพื่อให้สุดท้ายแล้วหนังตบกลับเข้ามาให้เห็นจุดยืนแท้จริงของตัวละคร เสมือนการค้นหาตัวเอง ยืนหยัดเพื่อความคิดตัวเอง
.
ความตลกของภาคนี้คือพอขำ หนังสนุกนะแต่ไม่รู้สึกว่ามุกโดยรวมจะพีคเหมือนภาคแรก ที่ให้ A+ คือฉากหาทางหนีออกจากโรงจอดรถ เราไม่เห็นมันในตัวอย่างหนังด้วยมั้งเลยทำให้พีคสุด ๆ ไปเลยเมื่อเจอฉากนี้ หนังมีความสรรหามุกมาขยี้ในฉากเดียวได้พีคสุด ๆ (เทียบกับฉากโคลอี้ไม่รู้จักโทรศัพท์มีสายแล้ว ตอนดูตย.โคตรฮา แต่พอในหนังก็รู้ทันมุกไปแล้ว) มีตลกร้ายแทรกบ้างอย่างเช่นฉากตำรวจผิวดำ 2 คนไปจับกุมคนผิวขาวด้วยท่าทางรุนแรงอย่างมาก (ล้อเลียน Training Day ด้วย) แต่พอไปจับคนผิวดำด้วยกันนี่นอบน้อมสุภาพเลย ซึ่งมันก็เสียดสีเรื่องเหยียดผิวน่ะแหละ ฮ่าๆๆ กับเรื่องเหยียดเพศก็คือเทียบการกระทำอย่างเดียวกัน พอผู้หญิงทำไม่มีใครว่า แต่เป็นผู้ชายนี่โดนหาว่าเหยียดเพศทันที ก็เป็นตลกร้ายพอสร้างสีสันให้หนังได้น่ะแหละ
Director: Nicholas Stoller
Genre: comedy
6.5/10
Search